วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภาวะการตลาด

ตลาดปลาดุก

     1. ตลาดกลางที่เป็นแหล่งซื้อขายปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ ได้แก่ ตลาดบางปะกง ฉะเชิงเทรา ตลาดรังสิต ปทุมธานี ตลาดลาดกระบัง กรุงเทพฯ และสะพานปลากรุงเทพฯ จากการศึกษาวิถีการตลาดปลาในภาคอีสานของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าปลาน้ำจืด (ปลาดุก ปลาช่อน และปลาหมอเทศ) ซึ่งขนส่งในลักษณะแช่น้ำไว้ระหว่างการขนส่งและวางขายในตลาดนั้นจะผ่านมือผู้ รวบรวมจากภาคกลางแล้วส่งให้พ่อค้าขายส่งมือ1, 2 จนกระทั่งถึงพ่อค้าขายปลีก

     2. การบริโภคภายในประเทศ จากผลผลิตปลาดุกเฉลี่ยในปี 2530 จำนวน 13,900 ตัน ถ้าจำนวนประชากรมีประมาณ 52 ล้านคน ก็จะบริโภคปลาดุกเฉลี่ย 0.27 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี เท่านั้น แต่จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นพบว่า ในภาคอีสานบริโภคปลาน้ำจืดเฉลี่ย 21.3 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี ในจำนวนนี้เป็นปลาช่อน 7 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี ปลาดุก 3.6 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี ปลาหมอ 1.8 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี นอกนั้นเป็นปลานิล ตะเพียน และปลาอื่นๆ ปริมาณปลาดุกที่บริโภค 3.6 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี นั้น ร้อยละ 18.6 ได้จากการซื้อมา ดังนั้น คนอีสาน 1 คน ซื้อปลาดุกบริโภคเฉลี่ย 0.67 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี ซึ่งสูงกว่าปริมาณเฉลี่ยทั้งประเทศ

     3. ราคา จากการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เกี่ยวกับราคาสัตว์น้ำที่ชาวประมงขายได้ พบว่า การเพิ่มขึ้นของราคาปลาน้ำจืด โดยเฉพาะปลาช่อนและปลาดุกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอัตราร้อยละ 5.85 และ 5.05 ตามลำดับ ซึ่งอัตราการเพิ่มสูงขึ้นของราคาปลาน้ำจืดนี้มีแนวโน้มสูงมากกว่าสัตว์น้ำ จากทะเล


     การตลาด พิจารณาฟาร์มเฉลี่ยต่อกิโลกรัมของสัตว์น้ำจืดสำคัญๆ เปรียบเทียบกันจะเห็นว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาปลาน้ำจืดนี้มีแนวโน้มสูง มากกว่าสัตว์น้ำจากทะเล

     การตลาด พิจารณาฟาร์มเฉลี่ยต่อกิโลกรัมของสัตว์น้ำจืดสำคัญๆ เปรียบเทียบกันจะเห็นว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาฟาร์มของปลาดุกสูงขึ้นถึง ร้อยละ 25.63 ซึ่งสูงมากที่สุด ส่วนปลาช่อนนั้นอัตราเพิ่มขึ้นของราคาเพียงร้อยละ 3.6 เท่านั้น ส่วนราคากุ้งก้ามกรามนั้นลดลงร้อยละ 9.01 จากปี 2529

    สำหรับราคาฟาร์มเฉลี่ยในแต่ละภาคนั้น จะเห็นว่าราคาฟาร์มในภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือนั้นสูงมากกว่าภาคกลาง และภาคตะวันตกและภาคตะวันออก ถ้าเป็นรายจังหวัดแล้วจะเห็นว่าราคาฟาร์มในจังหวัดสตูลและสงขลานั้นสูงสุด กล่าวคือ ราคาปลาดุก ณ ฟาร์มสูงถึงกิโลกรัมละ 40 บาท ซึ่งแสดงว่าปริมาณผลิตนั้นมีผลกระทบกับราคาฟาร์ม กล่าวคือ ในภาคกลาง และภาคตะวันตก ซึ่งมีการกระจุกตัวกันของแหล่งผลิตมาก ทำให้ราคาฟาร์มเฉลี่ยนั้นต่ำกว่าภาคอื่นๆ ซึ่งมีการกระจายตัว

ของแหล่งผลิตมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น